เพ่งดูเมฆเมื่อเห็นเป็นรูปอะไรแล้ว ก็ถือเป็นนิมิตเพื่อทำนายว่าดีหรือร้าย
เช่นในเวลาจะยกทัพ ถ้าเห็นเมฆเป็นรูปพระนารายณ์ ก็ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี ควรยกทัพได้ เช่น ตรงเข้าไปในป่าแล้วปลุกตัว เป่าทั่วด้วยคาถาประกาศิต ขยับยืนยกเมฆดูนิมิต เห็นรูปนารายณ์เรืองฤทธิ์ติดอัมพร. (ขุนช้างขุนแผน), ถ้าเห็นเมฆเป็นรูปคนหัวขาดหรือแขนขาดขาขาด เป็นนิมิตไม่ดี ไม่ควรยกทัพ แม้ผู้ทรงวิทยาคุณอาจบริกรรมต่อหัวหรือแขนขาให้สมบูรณ์ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี ไม่ควรยกทัพ เช่น กอดอกยกเมฆดูนิมิต ก็วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย เถนสำคัญมั่นหมายไม่คืนมา. (ขุนช้างขุนแผน); เดาเอา, นึกคาดเอาเอง, กุเรื่องขึ้น
เดาเอา, นึกคาดเอาเอง, กุเรื่องขึ้น
ประเภทสำนวน
"ยกเมฆ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงการกุเรื่องขึ้นมาเอง โดยไม่มีมูลความจริง ต้องมีการตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเปรียบเทียบกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เมฆถูกยกตัวขึ้นสูง ซึ่งบางครั้งอาจมีเมฆก่อตัวขึ้นเองทั้งที่ไม่มีความชื้นหรือเงื่อนไขที่เพียงพอ เปรียบเหมือนคนที่พูดหรือทำอะไรโดยไม่มีมูลความจริงรองรับ เป็นการกุเรื่องหรือสร้างเรื่องขึ้นมาเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ยกเมฆ" ในประโยค
- เขามักยกเมฆเรื่องที่ตัวเองเคยไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที่ไม่เคยไปที่ไหนเลย
- อย่าเพิ่งยกเมฆว่าเขาเป็นคนขโมยของ ในเมื่อยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
- ข่าวแชร์ในโซเชียลมีเดียหลายเรื่องเป็นแค่การยกเมฆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนเชื่อ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ยกเมฆ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ 'ยกเมฆ' ไม่ได้หมายความว่ายกก้อนเมฆขึ้นมาจริงๆ แต่หมายถึงการกุเรื่องขึ้นมาเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากธรรมชาติของเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า เมฆเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนชัดเจน จับต้องไม่ได้ และไม่สามารถยกขึ้นมาได้ เปรียบเสมือนการพูดหรือทำสิ่งที่ไม่มีมูลความจริง เป็นการกุเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมด หรือพูดเกินจริงโดยไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงรองรับ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ยกเมฆ" ในประโยค
- ข่าวที่เขาเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องยกเมฆ อย่าไปเชื่อเลย ไม่มีมูลความจริงสักนิด
- นักการเมืองคนนั้นชอบยกเมฆเรื่องผลงานของตัวเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี