ผู้ที่ชอบทำอะไรก็ตามเป็นนิสัยเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีคนมาบอกกล่าวก็จะลงมือทำทันที
เช่น เป็นคนชอบเที่ยวถ้ามีผู้บอกว่าที่นั่นที่นี่น่าเที่ยวก็จะไป หรือผู้มีนิสัยเป็นคนขี้ลักขี้ขโมยถ้ามีผู้บอกว่า บ้านนั้นบ้านนี้มีทรัพย์สินเงินทองมาก ก็จะหาทางเข้าไปขโมยหรือลักทรัพย์ในบ้านนั้น เช่นนี้ เรียกว่า ชี้โพรงให้
ผู้ที่ชอบทำอะไรก็ตามเป็นนิสัยเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีคนมาบอกกล่าวก็จะลงมือทำทันที เช่น เป็นคนชอบเที่ยวถ้ามีผู้บอกว่าที่นั่นที่นี่น่าเที่ยวก็จะไป หรือผู้มีนิสัยเป็นคนขี้ลักขี้ขโมยถ้ามีผู้บอกว่า บ้านนั้นบ้านนี้มีทรัพย์สินเงินทองมาก ก็จะหาทางเข้าไปขโมยหรือลักทรัพย์ในบ้านนั้น เช่นนี้ เรียกว่า ชี้โพรงให้
ประเภทสำนวน
"ชี้โพรงให้กระรอก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำพังเพยเพราะมีลักษณะเป็นการเปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น ต้องตีความเพิ่มเติมว่าหมายถึงการสอนหรือแนะนำในสิ่งที่อีกฝ่ายชำนาญอยู่แล้ว ไม่ใช่คำสอนโดยตรงและไม่ใช่สำนวนที่มีความหมายพิเศษที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของกระรอก ซึ่งเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวและอาศัยอยู่ตามต้นไม้ สร้างรัง หรือใช้โพรงไม้เป็นที่หลบภัยและพักอาศัย การที่มีคนไปชี้โพรงไม้ให้กระรอก จึงเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะกระรอกย่อมรู้จักหาโพรงหรือสร้างที่อยู่เองได้ดีกว่าใคร
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชี้โพรงให้กระรอก" ในประโยค
- จะไปสอนคุณป้านงค์ทำอาหารไทยโบราณ ก็เหมือนไปชี้โพรงให้กระรอกนั่นแหละ ท่านเป็นแม่ครัวเก่าแก่ ทำอร่อยกว่าเราเยอะ
- การที่เราไปแนะนำเทคนิคการขายให้นักขายมือทอง ก็ไม่ต่างอะไรกับชี้โพรงให้กระรอกเลย เขาเก่งกว่าเราตั้งเยอะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ชี้โพรงให้กระรอก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงการสอนหรือแนะนำเรื่องที่อีกฝ่ายถนัดหรือเชี่ยวชาญอยู่แล้ว มีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบการกระทำที่ไม่จำเป็น ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่ต้องตีความเพียงอย่างเดียวอย่างสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของกระรอก ซึ่งเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวและอาศัยอยู่ตามต้นไม้ สร้างรัง หรือใช้โพรงไม้เป็นที่หลบภัยและพักอาศัย การที่มีคนไปชี้โพรงไม้ให้กระรอก จึงเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะกระรอกย่อมรู้จักหาโพรงหรือสร้างที่อยู่เองได้ดีกว่าใคร
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ชี้โพรงให้กระรอก" ในประโยค
- จะไปสอนคุณป้านงค์ทำอาหารไทยโบราณ ก็เหมือนไปชี้โพรงให้กระรอกนั่นแหละ ท่านเป็นแม่ครัวเก่าแก่ ทำอร่อยกว่าเราเยอะ
- การที่เราไปแนะนำเทคนิคการขายให้นักขายมือทอง ก็ไม่ต่างอะไรกับชี้โพรงให้กระรอกเลย เขาเก่งกว่าเราตั้งเยอะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี