นิสัยที่ชอบปล่อยให้การงานคั่งค้างสะสม ผัดวันประกันพรุ่ง เกียจคร้าน ไม่ยอมทำให้สิ่งนั้นสำเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็ว จนในที่สุดการงานต่างก็สะสมพอกพูนขึ้นจนยากที่จะสะสางให้เสร็จได้โดยง่าย
การปล่อยงานคั่งค้างอยู่เรื่อยๆเพราะมัวแต่ผัดวันประกันพุ่งในไม่ช้างานที่คั่งค้างนั้นจะพอกพูนมากขึ้นทุกทีจนเป็นภาระที่หน้าเบื่อหน่ายภายหลัง
ประเภทสำนวน
"ดินพอกหางหมู" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบสภาพการณ์ที่เรื่องเล็กๆ ค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยใช้ภาพของดินที่พอกหางหมู มีความหมายแฝงที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะการเปรอะเปื้อนตามธรรมชาติของหมู ซึ่งหมูเป็นสัตว์ที่มักเล่นและนอนในโคลน เมื่อเวลาผ่านไป โคลนและดินจะค่อยๆ เกาะติดสะสมที่หางหมูทีละน้อย จนในที่สุดกลายเป็นก้อนดินขนาดใหญ่และหนัก การเปรียบเทียบนี้สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาเล็กๆ ที่ถูกปล่อยไว้โดยไม่จัดการ จะค่อยๆ สะสมและพอกพูนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขยาก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ดินพอกหางหมู" ในประโยค
- การปล่อยให้หนี้สินบัตรเครดิตค้างชำระนานๆ เป็นเรื่องดินพอกหางหมู เพราะดอกเบี้ยจะทบต้นจนภาระหนี้พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ
- การผัดวันประกันพรุ่งในการซ่อมบ้านที่รั่วเล็กๆ จนกลายเป็นความเสียหายใหญ่ เป็นตัวอย่างของดินพอกหางหมูที่เห็นได้ชัด
- ปัญหาขยะในแม่น้ำที่ไม่มีใครจัดการตั้งแต่ต้น จนกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อม นี่แหละคือดินพอกหางหมูในระดับประเทศ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ดินพอกหางหมู" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำเปรียบเทียบชัดเจนเหมือนคำพังเพย แต่เป็นคำที่มีความหมายเฉพาะตัวในวัฒนธรรมไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบกับลักษณะที่ดินหรือโคลนเกาะติดที่หางหมูแล้วค่อยๆ สะสมจนหนาขึ้นเรื่อยๆ หมายถึงการปล่อยปละละเลย ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่จัดการกับปัญหาหรืองานทันที จนกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือยากที่จะแก้ไข ปัญหาหรืองานก็จะสะสมพอกพูนเหมือนดินที่ค่อยๆ เกาะหางหมูจนหนาและแน่น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ดินพอกหางหมู" ในประโยค
- งานเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะเธอนั่นมันกลายเป็นดินพอกหางหมูไปแล้ว ถ้าไม่รีบจัดการตอนนี้ ต่อไปคงทำไม่ไหวแน่
- การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมถูกปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมูมานานหลายปี ทำให้ตอนนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการแก้ไข
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี