คนที่เคยมีอำนาจวาสนา แล้วหมดอำนาจ อย่าไปซ้ำเติมเขา เพราะเขาอาจกลับมามีอำนาจอีกได้
ประเภทสำนวน
"คนล้มอย่าข้าม" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรง มีลักษณะเป็นข้อแนะนำหรือคำเตือนที่ชัดเจน สอนให้มีคุณธรรมและมีน้ำใจไม่ซ้ำเติมผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก มีความหมายที่ตรงไปตรงมา ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้ไม่ซ้ำเติมหรือทำร้ายผู้ที่ประสบเคราะห์กรรม ตกทุกข์ได้ยาก หรือกำลังล้มเหลวในชีวิต 'คนล้ม' เปรียบเสมือนผู้ที่ประสบความเดือดร้อน หมดสิ้นอำนาจหรือทรัพย์สิน ส่วน 'อย่าข้าม' หมายถึง การไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม ไม่ใช้โอกาสนั้นในการกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบ แต่ควรยื่นมือช่วยเหลือหรืออย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายเขาเพิ่ม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คนล้มอย่าข้าม" ในประโยค
- เมื่อรู้ว่าคู่แข่งทางธุรกิจกำลังประสบปัญหาทางการเงิน เขาไม่เคยคิดจะไปซื้อกิจการในราคาถูกหรือดึงลูกค้ามา เพราะยึดหลักคนล้มอย่าข้ามมาตลอด
- ถึงแม้ว่าเพื่อนคนนี้เคยทำไม่ดีกับฉัน แต่ตอนนี้เขากำลังมีปัญหาชีวิต ฉันจะไม่ซ้ำเติมเขา เพราะคนล้มอย่าข้าม ฉันจะช่วยเหลือเท่าที่ทำได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี