พูดทำหรือแสดงให้เห็นว่าดีแต่ภายนอกแต่ในใจกลับตรงข้าม
ประเภทสำนวน
"หวานนอกขมใน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมที่มีลักษณะขัดแย้งกัน คือแสดงออกอย่างหนึ่งแต่ความรู้สึกจริงเป็นอีกอย่าง ต้องตีความเพิ่มเติมจากคำที่นำมาเปรียบเทียบ (หวาน-ขม, นอก-ใน)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบคนที่แสดงท่าทีภายนอกดูดี พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน แต่ภายในใจกลับมีความรู้สึกขมขื่น ไม่พอใจ หรือมีเจตนาร้าย เป็นการกล่าวถึงคนที่ไม่จริงใจ แสร้งทำดีต่อหน้า แต่ในใจกลับคิดร้าย เปรียบเหมือนอาหารที่มีรสหวานตอนแรก แต่เมื่อกินเข้าไปแล้วกลับขมในภายหลัง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หวานนอกขมใน" ในประโยค
- ระวังผู้หญิงคนนั้นไว้ให้ดี เธอหวานนอกขมใน พูดดีต่อหน้า แต่ลับหลังเธอนินทาคุณสารพัด
- นักการเมืองบางคนชอบทำตัวหวานนอกขมใน หาเสียงด้วยคำสัญญาสวยหรู แต่พอได้ตำแหน่งกลับทำตรงข้ามกับที่พูดไว้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี