อาการที่มืออยู่ไม่สุข ชอบขีดเขียนตามกำแพงหรือชอบเด็ดดอกไม้ใบไม้เป็นต้น
ประเภทสำนวน
"มืออยู่ไม่สุข" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมของคนที่ชอบเอามือไปจับต้องสิ่งของโดยไม่จำเป็น ต้องตีความนัยแฝงเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำที่มีความหมายพิเศษที่ต้องแปลความแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบลักษณะของคนที่ชอบหยิบจับสิ่งของเล่นไปมา ไม่อยู่นิ่ง มักชอบแตะต้องสิ่งของของผู้อื่นหรือสิ่งของทั่วไป โดยไม่จำเป็น อาจทำให้เกิดความเสียหาย หรือรำคาญแก่เจ้าของสิ่งของได้ คำนี้มักใช้ในเชิงตำหนิพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "มืออยู่ไม่สุข" ในประโยค
- เด็กคนนี้มืออยู่ไม่สุข เข้าไปในร้านของชำแล้วจับนั่นจับนี่จนของเกือบตกแตก
- อย่าปล่อยให้น้องชายคุณที่มืออยู่ไม่สุขเข้าไปในห้องทำงานของฉัน ไม่งั้นเอกสารต้องกระจัดกระจายแน่
- แม่ตำหนิลูกที่มืออยู่ไม่สุขไปหยิบจับของในร้านค้าจนเจ้าของร้านต้องมองด้วยสายตาไม่พอใจ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี