คนที่มีอำนาจราชศักดิ์หรือเป็นใหญ่เป็นโตก็ย่อมข่มคนที่เป็นผู้น้อยหรือผู้น้อยเหมือนกับคนที่มีกำลังมากย่อมมีภาษีเหนือกว่าคนอ่อนแอ
ประเภทสำนวน
"ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำเฉพาะที่แปลตรงๆ ไม่ได้เหมือนสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมในสังคม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติ ที่ปลาขนาดใหญ่มักจะกินปลาขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร นำมาเปรียบเทียบกับสังคมมนุษย์ที่ผู้มีอำนาจหรือทรัพยากรมากกว่า (ปลาใหญ่) มักเอาเปรียบหรือกดขี่ผู้ที่อ่อนแอกว่า (ปลาเล็ก) เป็นการสะท้อนความจริงของสังคมที่ผู้มีอำนาจมากกว่ามักได้เปรียบผู้ที่มีอำนาจน้อยกว่า
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ในประโยค
- ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่ไม่มีการควบคุมก็มักเป็นแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก ที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลืนกิจการขนาดเล็กจนผูกขาดตลาด
- ถ้าไม่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สังคมก็จะเป็นแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก ที่นายจ้างเอารัดเอาเปรียบลูกจ้างได้ตามใจชอบ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี