สิ่งต่าง ๆ หรือโอกาสต่าง ๆ จะไม่รอใคร
ประเภทสำนวน
"เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่ให้คำสอนชัดเจนโดยตรง ชี้ให้เห็นความจริงของเวลาและน้ำที่ไหลผ่านไปโดยไม่หวนกลับ เป็นประโยคสมบูรณ์ที่ให้ข้อคิดสอนใจโดยตรง ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เปรียบเทียบธรรมชาติของเวลาและน้ำที่ไหลผ่านไปเรื่อยๆ ไม่สามารถย้อนกลับได้ เป็นการเตือนสติให้รู้จักใช้เวลาอย่างมีค่า ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เพราะเวลาที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ เช่นเดียวกับสายน้ำที่ไหลผ่านไปแล้วไม่ไหลย้อนกลับ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร" ในประโยค
- คุณควรรีบทำโครงงานให้เสร็จ อย่ารอจนถึงวันสุดท้าย เพราะเวลาและวารีไม่เคยคอยใคร
- แม่มักสอนเสมอว่า เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร ถ้ามีโอกาสดีๆ เข้ามาก็ควรรีบคว้าไว้
- เธอเสียโอกาสในการเรียนต่อเพราะประวิงเวลาส่งใบสมัคร เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร พอหมดเวลารับสมัครก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี