อย่าไปสอนผู้รู้ เพราะเขารู้อยู่แล้ว
ประเภทสำนวน
"อย่าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม มีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์หรือพฤติกรรม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีสั้นๆ ที่ต้องตีความเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะธรรมชาติของจระเข้ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีทักษะการว่ายน้ำตามธรรมชาติอยู่แล้ว การสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและไร้ประโยชน์ สำนวนนี้ใช้เปรียบเปรยถึงการที่คนไปแนะนำหรือสอนผู้ที่มีความชำนาญอยู่แล้วในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่เสียเวลาและไม่มีประโยชน์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ" ในประโยค
- การที่คุณจะไปอธิบายเทคนิคการจัดดอกไม้ให้กับแม่ที่เป็นช่างจัดดอกไม้มืออาชีพก็เหมือนกับอย่าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ
- อาจารย์คนใหม่พยายามอธิบายทฤษฎีทางฟิสิกส์ให้กับศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มา 30 ปี เพื่อนร่วมงานต้องกระซิบเตือนว่า อย่าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี