ประเภทสำนวน
"โง่เง้าเต่าตุ่น" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบพฤติกรรมหรือลักษณะของคนโดยใช้การเปรียบเปรยกับลักษณะของสัตว์ มีความหมายแฝงที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำที่มีความหมายเฉพาะจนแปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบคนที่โง่เขลา ไม่รู้เท่าทันสิ่งต่างๆ รอบตัว เหมือนเต่าและตุ่น ซึ่งเป็นสัตว์ที่มักถูกมองว่าเชื่องช้าและไม่ฉลาด เต่ามีกระดองแข็งแต่เคลื่อนไหวช้า ส่วนตุ่นเป็นสัตว์ที่อยู่ใต้ดิน มองไม่เห็น จึงนำมาเปรียบเทียบกับคนที่ทึ่ม ไม่ฉลาด ไม่ทันคน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "โง่เง้าเต่าตุ่น" ในประโยค
- เขาถูกหลอกให้โอนเงินไปหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเชื่อคนง่ายๆ ช่างโง่เง้าเต่าตุ่นจริงๆ
- อย่าทำตัวโง่เง้าเต่าตุ่นแบบนั้นสิ ทำไมถึงไม่สังเกตว่ามีคนพยายามหลอกใช้เธออยู่
- คนอย่างเขาโง่เง้าเต่าตุ่น หลอกง่าย ไม่รู้ทันคน จึงมักถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี