จําใจกลับมาแสดงตัวหรือติดต่อกับผู้ที่ตนเคยทําไม่ดี ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมมาก่อนอีก เช่น นี่แบกหน้ากลับมาหากู. (รามเกียรติ์ พลเสพย์).
ประเภทสำนวน
"แบกหน้า" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นคำที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลตามความหมายตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะในภาษาไทย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือการเปรียบเทียบที่ต้องตีความ (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการนำลักษณะทางกายภาพคือ 'หน้า' ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงความรู้สึกของคนมารวมกับคำว่า 'แบก' ที่หมายถึงการแบกของหนัก โดยหมายถึงสภาวะที่คนต้องทนทำอะไรบางอย่างโดยที่ไม่เต็มใจ เพียงเพื่อรักษาหน้าตาหรือเกียรติยศของตนเอง เป็นการทำอะไรเพียงเพื่อไม่ให้อับอายหรือเสียหน้า
ตัวอย่างการใช้สำนวน "แบกหน้า" ในประโยค
- หลังจากที่ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน เขาก็ต้องแบกหน้ามาทำงานทุกวัน ทั้งที่ไม่อยากเจอหน้ากันเลย
- ถึงจะไม่มีความสุขกับงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เขาก็ต้องแบกหน้าไปร่วมงานเพราะเป็นลูกน้องคนสำคัญ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี