คนที่ชอบรนหาที่ หาเรื่องใส่ตัว ไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นโดยไม่จำเป็น จนตัวเองได้รับความเดือดร้อน
เข้าไปยุ่งกับเรื่องของผู้อื่นจนเกิดเป็นเรื่องกลับมาที่ตัวเอง
ประเภทสำนวน
"แกว่งเท้าหาเสี้ยน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเองทั้งที่ไม่จำเป็น มีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการสังเกตพฤติกรรมคนที่เดินแกว่งเท้าไปมาในที่ที่มีเสี้ยนไม้หรือหนามอยู่ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะโดนเสี้ยนหรือหนามตำเท้า ทั้งที่หากเดินธรรมดาหรือระมัดระวังก็จะไม่เป็นอันตราย เปรียบเหมือนคนที่ไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตน หรือไปแส่หาเรื่องเดือดร้อน ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "แกว่งเท้าหาเสี้ยน" ในประโยค
- เธอไม่เกี่ยวอะไรกับปัญหานี้เลย แต่ดันเข้าไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน จนโดนหัวหน้าเรียกไปตำหนิ
- การไปวิจารณ์นโยบายของผู้บริหารในที่สาธารณะโดยที่เรายังเป็นแค่พนักงานใหม่ เรียกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"แกว่งเท้าหาเสี้ยน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบพฤติกรรมที่ต้องตีความเพิ่มเติม มีการเปรียบเปรยการกระทำที่อาจนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง แต่ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่แปลความหมายตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการที่คนเดินเตร่ไปในที่ที่มีเสี้ยนไม้หรือหนามพืช ยิ่งแกว่งเท้าไปมามากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสเหยียบหรือถูกเสี้ยนตำเท้ามากขึ้นเท่านั้น เปรียบเทียบกับการที่คนออกไปหาเรื่องวุ่นวาย หรือเข้าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน ซึ่งอาจนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเองโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "แกว่งเท้าหาเสี้ยน" ในประโยค
- น้องไม่ควรไปแสดงความคิดเห็นในกระทู้ถกเถียงเรื่องการเมืองแบบนั้น นั่นเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ
- การที่คุณไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องทะเลาะของเพื่อนบ้าน ก็เท่ากับแกว่งเท้าหาเสี้ยน สุดท้ายเขาคืนดีกัน คุณกลับถูกทั้งสองฝ่ายหมั่นไส้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี