เอาสิ่งของจากคนมีน้อยไปให้ผู้มีมากกว่า
ประเภทสำนวน
"เอาเนื้อหมูไปปะเนื้อช้าง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม เป็นการเปรียบเปรยสถานการณ์ที่คนนำของเล็กน้อยไปแก้ไขหรือเติมเต็มสิ่งที่ใหญ่กว่ามาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบขนาดของสัตว์ โดยหมูเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าช้างมาก การนำเนื้อหมูไปปะ (ซ่อมแซมหรือเพิ่มเติม) เนื้อช้าง จึงเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะปริมาณเนื้อหมูนั้นน้อยเกินกว่าจะทำให้เกิดประโยชน์หรือเห็นความแตกต่างเมื่อเทียบกับเนื้อช้างที่มีขนาดใหญ่มาก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เอาเนื้อหมูไปปะเนื้อช้าง" ในประโยค
- รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นขนาดเล็ก แต่ปัญหาใหญ่มากจนเป็นการเอาเนื้อหมูไปปะเนื้อช้าง
- การที่เขาบริจาคเงินแค่พันบาทเพื่อช่วยผู้ประสบภัยที่ต้องการความช่วยเหลือหลายล้านบาทนั้น ก็เหมือนกับเอาเนื้อหมูไปปะเนื้อช้างเท่านั้นเอง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี