ทําเลียนแบบคนใหญ่คนโตหรือคนมั่งมีทั้ง ๆ ที่ตนไม่มีกําลังทรัพย์หรือความสามารถพอ
ประเภทสำนวน
"เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ชอบทำตามคนอื่นโดยไม่คิด มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับพฤติกรรมที่เมื่อเห็นช้างถ่ายมูล คนก็อยากถ่ายตามบ้าง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและไม่เหมาะสม สะท้อนถึงพฤติกรรมของคนที่ชอบเลียนแบบผู้อื่นโดยไม่คิดให้รอบคอบ ไม่พิจารณาถึงความเหมาะสมหรือศักยภาพของตนเอง เป็นการเตือนไม่ให้ทำตามผู้อื่นโดยขาดวิจารณญาณ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ในประโยค
- น้องเขายังเด็ก แต่พอเห็นเพื่อนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง ก็อยากได้บ้าง ทั้งที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง นี่แหละที่เรียกว่าเห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง
- รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง บริษัทเล็กๆ หลายแห่งก็รีบเข้าไปลงทุนทั้งที่ไม่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี สุดท้ายก็ต้องขาดทุนย่อยยับ เพราะเห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี