ทำอะไรเหลาะแหละไม่เอาจริงเอาจัง, หยิบหย่ง, ไม่เอาการเอางาน
ประเภทสำนวน
"เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบหรือเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ไม่มีความจริงใจ ต้องตีความเพิ่มเติมจึงจะเข้าใจความหมายโดยนัย ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการสังเกตว่า เวลาเหยียบมูลไก่ที่แห้ง มูลไก่มักจะแตกหรือฝ่อเสมอ สำนวนนี้จึงเปรียบเปรยถึงคนที่ไม่จริงใจแม้ในเรื่องเล็กน้อย คนที่พูดอย่างทำอย่าง หรือพูดไม่ตรงกับความจริง เหมือนคนที่แม้แต่เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้อย่างการเหยียบขี้ไก่ให้แตก ก็ยังเสแสร้งว่าทำไม่ได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ" ในประโยค
- เขาเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ขอให้ระวังเวลาคบหาธุรกิจด้วย มักจะมีลับลมคมในเสมอ
- การที่นายห้างคนนั้นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้ลูกน้องไม่ไว้วางใจและเกิดความระแวงในการทำงานร่วมกัน
- ฉันไม่ชอบคบกับคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พูดอย่างทำอย่าง จะเชื่อใจได้อย่างไร
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี