คนที่ทําท่าทีเป็นเซื่องซึม เป็นกลอุบายให้ผู้อื่นตายใจแล้วเข้าทําการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่ทันให้รู้ตัว, คนที่ทําท่าอย่างเสือลากหาง เพื่อขู่ให้กลัว เช่น ถือไม้เท้าก้าวเดินเป็นท่าทาง ทีเสือลากหางให้นางกลัว. (สังข์ทอง).
ประเภทสำนวน
"เสือลากหาง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความ มีความหมายแฝง โดยเปรียบลักษณะพฤติกรรมของคนกับสัตว์ (เสือ) ไม่ได้มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของเสือที่เมื่อเดินไปไหนแล้วลากหางไปกับพื้น จะทำให้เกิดรอยทำให้ผู้อื่นสังเกตเห็นและตามรอยได้ เปรียบเปรยถึงคนที่ทำความผิดแล้วทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้ให้ผู้อื่นจับได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เสือลากหาง" ในประโยค
- ตำรวจติดตามจับคนร้ายได้เพราะมันทำเสือลากหางทิ้งเบาะแสไว้มากมาย
- โจรขโมยเงินไปแล้วยังกล้าเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในหมู่บ้านเดียวกับที่ขโมยมา ทำเสือลากหางให้ชาวบ้านสงสัยจนจับได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี