ดูไม่มีอะไรน่ากลัวหรือมีอะไรโดดเด่น แต่แท้จริงแล้วอาจแอบซ่อนความสามารถ ที่ไม่ยอมแสดงออกมาให้ไครรู้
ประเภทสำนวน
"เสือซ่อนเล็บ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า สำนวนนี้เป็นคำพังเพย เพราะมีลักษณะเปรียบเทียบพฤติกรรมของเสือกับคน มีความหมายแฝงที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง และไม่ใช่คำที่มีความหมายพิเศษที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวน 'เสือซ่อนเล็บ' มีที่มาจากลักษณะของเสือที่มีเล็บอันแหลมคมเป็นอาวุธสำคัญ แต่สามารถซ่อนเล็บไว้ภายในอุ้งเท้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน เปรียบเทียบกับคนที่มีความสามารถสูง แต่เลือกที่จะไม่แสดงออกหรือซ่อนความสามารถไว้ ไม่โอ้อวดให้ผู้อื่นรู้ จนกว่าจะถึงเวลาจำเป็นที่ต้องใช้ความสามารถนั้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เสือซ่อนเล็บ" ในประโยค
- นักธุรกิจท่านนี้เป็นคนเสือซ่อนเล็บ ดูภายนอกเรียบง่ายธรรมดา แต่ความจริงเป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่หลายแห่ง
- น้องคนนี้เงียบๆ ไม่เคยอวดความเก่งให้ใครฟัง แต่พอถึงเวลาแข่งขันกลับเป็นเสือซ่อนเล็บ คว้ารางวัลชนะเลิศมาได้
- อย่าดูถูกเด็กคนนั้น เขาเป็นพวกเสือซ่อนเล็บ เรียนเก่งแต่ไม่โอ้อวด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี