ประเภทสำนวน
"เสียกำแล้วซ้ำกอบ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบสถานการณ์ที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการพนัน โดย 'กำ' คือเงินที่เสียไปในการพนันรอบแรก ส่วน 'กอบ' คือเงินจำนวนมากกว่าที่เสียเพิ่มในรอบถัดไป เป็นสำนวนเปรียบเทียบถึงสถานการณ์ที่เสียหายหรือขาดทุนไปแล้ว แต่ยังพยายามแก้ไขสถานการณ์จนเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นหนักกว่าเดิม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เสียกำแล้วซ้ำกอบ" ในประโยค
- บริษัทเขาลงทุนไปสิบล้านแล้วไม่ได้ผล แต่ยังฝืนลงทุนต่ออีกห้าสิบล้าน สุดท้ายก็ล้มละลายเลย นี่แหละเสียกำแล้วซ้ำกอบ
- รถพังแล้วไปซ่อมร้านที่ไม่มีความชำนาญ พอซ่อมเสร็จกลับเสียหายหนักกว่าเดิม เสียกำแล้วซ้ำกอบจริงๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี