ประเภทสำนวน
"เสียกำซ้ำกอบ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่สื่อความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีลักษณะการเปรียบเปรยพฤติกรรมหรือสถานการณ์ที่เสียประโยชน์ซ้อน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการพนันที่ใช้คำว่า 'กำ' และ 'กอบ' ซึ่งเป็นหน่วยวัดเงินโบราณ โดย 'กำ' คือการกำเงินด้วยมือ ส่วน 'กอบ' คือการกอบเงินด้วยมือทั้งสองข้าง หมายถึงเสียประโยชน์หรือเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่า โดยครั้งหลังเสียหายมากกว่าครั้งแรก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เสียกำซ้ำกอบ" ในประโยค
- ลงทุนหุ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจแล้วขาดทุน พอจะแก้มือด้วยการลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง ตลาดกลับซบเซาเข้าไปอีก เรียกว่าเสียกำซ้ำกอบเลยทีเดียว
- เสียรถไปในอุบัติเหตุครั้งแรก พอซื้อรถใหม่ยังไม่ทันได้ใช้ดี ก็ถูกโจรกรรมไปอีก นับว่าเสียกำซ้ำกอบจริงๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี