รุนแรง, เต็มที่, (ใช้แก่กริยาโกรธ) เช่น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ประเภทสำนวน
"เป็นฟืนเป็นไฟ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ได้ให้คำสอนโดยตรง ต้องตีความเพิ่มเติม เป็นการเปรียบเปรยถึงสภาพความขัดแย้ง ไม่ลงรอยกัน โดยใช้ลักษณะของไฟที่เผาไหม้มาเปรียบเทียบกับอารมณ์ของคน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบความขัดแย้งรุนแรงเหมือนไฟที่ลุกโชน ที่มาจากลักษณะของฟืนและไฟที่เมื่อเจอกันแล้วจะเกิดการลุกไหม้อย่างรุนแรง เปรียบกับคนที่ทะเลาะวิวาทหรือขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ยากที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เป็นฟืนเป็นไฟ" ในประโยค
- พี่น้องสองคนนี้พอเจอหน้ากันทีไรก็เป็นฟืนเป็นไฟทุกที ไม่เคยพูดกันดีๆ ได้เลย
- คู่สามีภรรยาทะเลาะกันเป็นฟืนเป็นไฟมาสามวันแล้ว ใครๆ ก็ห้ามไม่อยู่
- การเมืองไทยตอนนี้เป็นฟืนเป็นไฟ ทุกฝ่ายต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี