สว่างไสวเต็มที่ จ้าไปด้วยความสว่าง เหมือนเดือน(ดวงจันทร์) ที่ส่องสว่างเต็มที่จนสามารถมองเห็นหรือจับมดตัวเล็ก ๆ ในเวลากลางคืนได้
ประเภทสำนวน
"เดือนยังกะจับมด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรง และมีลักษณะการเปรียบเปรยพฤติกรรมบางอย่าง มีความหมายแฝงที่ต้องทำความเข้าใจ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบคนที่มีนิสัยละเอียดรอบคอบมากเกินไป หรือจู้จี้มากจนถี่ยิบ กับลักษณะของแสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่สว่างมากจนสามารถมองเห็นสิ่งเล็กๆ อย่างมดได้อย่างชัดเจน แสดงถึงความละเอียดที่มากเกินความจำเป็น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เดือนยังกะจับมด" ในประโยค
- คุณแม่ของเธอนี่เดือนยังกะจับมดเลยนะ ตรวจการบ้านลูกทีไรก็จะเจอข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ทุกครั้ง
- อย่าไปให้เจ้านายคนนั้นตรวจงานเลย เขาเดือนยังกะจับมด เห็นข้อผิดพลาดแม้แต่จุดเล็กๆ ที่คนอื่นมองข้าม
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี