ยิ่งแก่ยิ่งไร้แก่นสาร เหมือนผลมะละกอที่ทั้งเละทั้งกลวง ลำต้นไม่มั่นคงโค่นล้มได้ง่าย เปรียบกับคนที่ไร้สาระ ไม่มีเป้าหมายไม่มั่นคง
ประเภทสำนวน
"เฒ่ามะละกอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นสำนวนที่มีลักษณะเปรียบเปรย เปรียบเทียบพฤติกรรมของคนแก่ที่ชอบอ่อนหนุ่มอ่อนสาวกับลักษณะของต้นมะละกอ ต้องตีความความหมายเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรง และไม่ใช่สำนวนที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของต้นมะละกอที่แม้จะเป็นต้นเก่าแก่ แต่ก็ยังสามารถออกดอกออกผลได้ จึงนำมาเปรียบเทียบกับคนแก่หรือคนสูงอายุที่ยังทำตัวคึกคะนอง ชอบเกี้ยวพาราสีหรือจีบหนุ่มสาว หรือแต่งตัวเหมือนวัยรุ่น ไม่วางตัวให้เหมาะสมกับวัย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เฒ่ามะละกอ" ในประโยค
- คุณลุงคนนี้อายุเจ็ดสิบแล้วยังแต่งตัวเหมือนหนุ่มๆ ใส่เสื้อลายดอกสีฉูดฉาด ชอบเข้าไปจีบสาวๆ ทำตัวเป็นเฒ่ามะละกอแท้ๆ
- อายุปูนนี้แล้วยังมาทำตัวเป็นเฒ่ามะละกอ ไปเต้นในผับกับเด็กๆ ไม่อายเขาบ้างหรือ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี