อย่าเป็นคนดีแต่พูด คือพูดได้ แต่ทำไม่ได้
ประเภทสำนวน
"อย่าละเลงขนมเบื้องด้วยปาก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม เปรียบพฤติกรรมการพูดมากกว่าทำ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงอย่างสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้อย่างสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากการทำขนมเบื้อง ที่ผู้ทำต้องใช้มือละเลงแป้งให้กระจายบนกระทะร้อนเพื่อให้ขนมสุกทั่วและบางสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ปากละเลงแป้ง จึงนำมาเปรียบกับคนที่ชอบพูดว่าจะทำโน่นทำนี่ แต่ไม่ลงมือทำจริงๆ หรือพูดมาก แต่ทำน้อย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าละเลงขนมเบื้องด้วยปาก" ในประโยค
- พอมีงานก็บอกว่าจะช่วย แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็หายไป อย่าละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ถ้าจะช่วยก็ลงมือทำจริงๆ สิ
- ผู้บริหารคนนี้ชอบประกาศนโยบายใหญ่โต แต่ไม่เคยมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ทีมงานจึงบ่นกันว่า 'อย่าละเลงขนมเบื้องด้วยปาก' อยากเห็นการทำงานจริงมากกว่าคำพูด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี