อย่าทำพูดอวดเก่ง หรือเก่งแต่ปาก
ประเภทสำนวน
"อย่าทำเป็นหมาเห่าใบตองแห้ง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนกับสัตว์ (หมา) โดยมีความหมายเชิงตักเตือนหรือตำหนิ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีการเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากพฤติกรรมของสุนัขที่มักเห่าหอนเมื่อได้ยินเสียงใบตองแห้งเสียดสีกัน โดยเปรียบเทียบกับคนที่ตื่นตระหนกหรือตกใจกับเรื่องเล็กน้อยที่ไม่เป็นอันตรายหรือไม่มีความสำคัญ เปรียบเสมือนหมาที่เห่าใบตองแห้งซึ่งไม่มีภัยอันตรายใดๆ เป็นการตำหนิพฤติกรรมที่หวาดระแวงหรือวิตกกังวลเกินเหตุ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าทำเป็นหมาเห่าใบตองแห้ง" ในประโยค
- เขากลัวขึ้นเครื่องบินจนต้องกินยานอนหลับทุกครั้ง เธออย่าทำเป็นหมาเห่าใบตองแห้งอย่างนั้นสิ สถิติบอกว่าเครื่องบินปลอดภัยกว่ารถยนต์ตั้งเยอะ
- พวกวัยรุ่นสมัยนี้ได้ยินข่าวน้ำมันขึ้นราคานิดหน่อยก็แห่กันไปเข้าคิวเติมน้ำมันยาวเหยียด ทำเป็นหมาเห่าใบตองแห้งไปได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี