อย่าเพิ่งติสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จหรือยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เรือสมัยโบราณซึ่งเอาซุงทั้งต้นมาขุด เช่น เรือมาดที่เขาทำเป็นรูปร่างแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จ อย่างเพิ่งไปด่วนติ, บางทีก็ใช้ว่า “ติเรือทั้งโกลน ติโขนไม่ได้ทรงเครื่อง”
ประเภทสำนวน
"อย่าติเรือทั้งโกลน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ชัดเจนโดยตรง มีหลักคำสอนให้ไม่ตัดสินผลลัพธ์หรือคุณค่าของสิ่งใดขณะที่ยังไม่สำเร็จหรือสมบูรณ์ สื่อความหมายตรงไปตรงมา ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการต่อเรือ ซึ่ง 'โกลน' คือเรือที่ยังสร้างหรือถากไม่เสร็จ ยังอยู่ในขั้นตอนการผลิต เมื่อดูเรือที่ยังเป็นโกลน อาจมองไม่ออกว่าเสร็จแล้วจะสวยงามหรือแข็งแรงเพียงใด สอนให้ไม่ด่วนวิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินคุณค่าของงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าติเรือทั้งโกลน" ในประโยค
- ตอนที่น้องเสนอโครงงานในที่ประชุม หลายคนวิจารณ์ว่าไม่น่าจะเวิร์ก แต่อาจารย์ที่ปรึกษาเตือนว่าอย่าติเรือทั้งโกลน รอให้น้องได้ทำจนเสร็จก่อนค่อยประเมิน
- เพิ่งเห็นร่างนวนิยายแค่สองบท แล้วบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าสนใจ ทำอย่างนี้เหมือนกับติเรือทั้งโกลน ทั้งที่เนื้อเรื่องอาจจะพัฒนาให้น่าติดตามในภายหลังก็ได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี