ของที่ได้แน่นอนแล้วไม่เอา กลับไปคาดหวังกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ประเภทสำนวน
"หวังน้ำบ่อหน้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเปรียบเทียบ โดยใช้แนวคิดเรื่องน้ำบ่อมาเปรียบกับอนาคต มีความหมายแฝงที่ต้องตีความต่อ และไม่ได้เป็นคำสอนหรือข้อคิดโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากความคิดการรอความหวังหรือโอกาสในอนาคต โดยเปรียบเทียบกับการรอให้น้ำบ่อใหม่ผุดขึ้นมา แทนที่จะพึ่งพาสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน สะท้อนพฤติกรรมของคนที่ไม่ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จ แต่กลับคาดหวังหรือหวังพึ่งโอกาสที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หวังน้ำบ่อหน้า" ในประโยค
- เขาไม่ยอมทำงานที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดี คอยแต่หวังน้ำบ่อหน้าว่าจะมีงานดีกว่านี้มาให้ทำ
- ถ้าเธอมัวแต่หวังน้ำบ่อหน้า ไม่ยอมเก็บเงินในตอนนี้ เดี๋ยวก็ไม่มีเงินใช้ยามแก่หรอก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี