หนีจากที่ที่มีความเดือดร้อนมาอาศัยอยู่ในที่ที่มีความสงบสุข
ประเภทสำนวน
"หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงการกระทำที่หนีจากสภาพความลำบากหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งที่คิดว่าจะดีกว่า แต่อาจไม่ดีอย่างที่คิด มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม และเป็นข้อความที่เปรียบเทียบโดยไม่ใช่คำสอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากพฤติกรรมของคนที่ต้องการหลีกหนีจากสภาพที่ไม่พึงปรารถนา (ร้อน) ไปพึ่งพาสภาพที่คิดว่าดีกว่า (เย็น) แต่ท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์ใหม่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องอาจจะไม่ได้ดีกว่าหรืออาจแย่กว่าเดิม เปรียบเหมือนคนที่หนีปัญหาหนึ่งแต่กลับไปเจอปัญหาอื่นที่อาจหนักกว่าเดิม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" ในประโยค
- นายแดงลาออกจากงานเดิมที่เงินเดือนน้อยไปทำงานที่ใหม่ที่เงินเดือนดีกว่า แต่นายจ้างใหม่เอาเปรียบทำให้ทำงานหนักยิ่งกว่าเดิม นี่เรียกว่าหนีร้อนมาพึ่งเย็น
- การที่เธอหย่าสามีคนแรกมาแต่งงานใหม่กับคนที่ชอบทุบตีเธอแบบนี้ ก็เหมือนหนีร้อนมาพึ่งเย็นเท่านั้นเอง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี