ฮึดสู้เพราะไม่มีทางหนี เช่น พอจนมุมเข้า เขาก็สู้เหมือนหมาจนตรอก
ประเภทสำนวน
"สู้เหมือนหมาจนตรอก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบพฤติกรรมของหมาที่ถูกจนตรอกกับพฤติกรรมของคน ต้องตีความเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากพฤติกรรมของสุนัขที่ถูกไล่จนเข้าตรอกหรือมุมอับไม่มีทางหนี เมื่อถูกบีบคั้นถึงที่สุด มันจะเลือกสู้อย่างเต็มที่แม้รู้ว่าจะแพ้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น คำพังเพยนี้ใช้เปรียบเทียบกับคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จนมุม ไม่มีทางเลือก จึงต้องสู้สุดกำลังแม้จะรู้ว่าโอกาสชนะมีน้อย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สู้เหมือนหมาจนตรอก" ในประโยค
- แม้นักมวยรุ่นใหม่จะบาดเจ็บที่แขน แต่เขาก็ยังสู้เหมือนหมาจนตรอก ไม่ยอมยกธงขาวง่ายๆ
- เมื่อถูกคู่แข่งทางธุรกิจรุมโจมตีจนจนมุม บริษัทเล็กๆ นี้ก็สู้เหมือนหมาจนตรอก พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี