ไม่ว่ากล่าวอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี เมื่อลูกไปลักขโมยของใครมาได้กลับชมเชยว่าเก่ง ในที่สุดลูกก็กลายเป็นโจร.
ประเภทสำนวน
"สอนลูกให้เป็นโจร" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่การสอนโดยตรงแบบสุภาษิต แต่เป็นการเปรียบเทียบการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การที่ผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ประพฤติตัวไม่ดี ทำสิ่งไม่ดีให้ลูกหรือเด็กเห็นเป็นแบบอย่าง จนเด็กซึมซับและเลียนแบบพฤติกรรมไม่ดีนั้น เปรียบเสมือนกับการสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดีหรือเป็นโจรโดยไม่ตั้งใจ เน้นย้ำถึงอิทธิพลของแบบอย่างที่มีต่อการเรียนรู้ของเด็ก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สอนลูกให้เป็นโจร" ในประโยค
- พ่อแม่ที่ขโมยของต่อหน้าลูก ก็เท่ากับสอนลูกให้เป็นโจร อย่าแปลกใจถ้าลูกจะเติบโตมาเป็นคนไม่ซื่อสัตย์
- การที่ครูพูดปดต่อหน้านักเรียน เท่ากับสอนลูกให้เป็นโจร เพราะเด็กจะคิดว่าการโกหกเป็นเรื่องปกติ
- ผู้นำที่ทุจริตคอร์รัปชั่นก็เหมือนสอนลูกให้เป็นโจร เพราะประชาชนจะมองว่าการโกงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี