บังอาจลักขโมยหรือล่อลวงเอาทรัพย์สินเป็นต้นจากคนธรรมดา แต่อาจจะโดนเอาเรื่องจนถึงที่สุดแบบกัดไม่ปล่อย
ประเภทสำนวน
"ล้วงคองูเขียว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยเกี่ยวกับการกระทำอันตราย ต้องมีการตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำเฉพาะที่ต้องแปลความเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับการไปล้วงหรือแหย่คองูเขียวที่เป็นงูพิษอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการถูกงูกัด เปรียบเสมือนการไปยุ่งเกี่ยวหรือท้าทายคนที่มีอำนาจหรือคนที่มีนิสัยโกรธง่าย อาฆาตแค้น ซึ่งอาจนำอันตรายมาสู่ตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ล้วงคองูเขียว" ในประโยค
- คุณอย่าไปฟ้องร้องนายทุนคนนั้นเลย เขามีเส้นสายมาก นั่นเหมือนกับคุณกำลังล้วงคองูเขียวนะ
- การเข้าไปสืบเรื่องทุจริตของนักการเมืองใหญ่ แม้จะเป็นสิ่งถูกต้อง แต่นักข่าวคนนั้นก็ต้องระวังตัว เพราะเหมือนกับล้วงคองูเขียว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี