หกล้มหกลุก เช่น ฝนตกหนักถนนเป็นโคลน เขาต้องวิ่งหนีฝนล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทาง สะดุดตอไม้ล้มลุกคลุกคลาน, โดยปริยายหมายความว่า ซวดเซ, ไม่มั่นคง, ตั้งตัวไม่ติด, เช่น ชีวิตของเขาต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่ตลอดเวลา เขาล้มลุกคลุกคลานมาหลายปีกว่าจะตั้งตัวได้.
ประเภทสำนวน
"ล้มลุกคลุกคลาน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงการประกอบกิจการหรือการดำเนินชีวิตที่พบกับความยากลำบาก แต่ก็ยังคงพยายามต่อสู้ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากอาการทางกายภาพของคนที่กำลังพยายามลุกขึ้น แต่ยังไม่มีกำลังพอ ทำให้ล้มลงแล้วต้องพยายามลุกขึ้นอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มักใช้เปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่บุคคลหรือกิจการต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่ยังคงต่อสู้ไม่ยอมแพ้ แม้จะประสบความยากลำบากก็ตาม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ล้มลุกคลุกคลาน" ในประโยค
- ธุรกิจของเขาเพิ่งเริ่มต้น ต้องล้มลุกคลุกคลานมาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้
- แม้ชีวิตจะล้มลุกคลุกคลานมาตลอด แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา
- การเรียนภาษาที่สามของฉันเป็นไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน แต่ฉันก็ยังมุ่งมั่นจะเรียนให้สำเร็จ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี