เกิดความเร่าร้อนเนื่องจากคาถาอาคมจนอยู่ไม่เป็นปรกติ; เร่าร้อนอยากจะแสดงวิชาความรู้พิเศษหรือคาถาอาคมจนผิดปรกติวิสัย
ประเภทสำนวน
"ร้อนวิชา" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่อวดรู้อวดฉลาด ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีความหมายเฉพาะที่ต้องตีความแฝง แต่ยังมีลักษณะของการเปรียบเทียบมากกว่าจะเป็นวลีเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบคนที่อวดรู้ อวดฉลาด ชอบแสดงความรู้ของตน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือไม่มีใครขอให้แสดงความคิดเห็น คำว่า 'ร้อน' ในที่นี้หมายถึงการที่ไม่สามารถอดทนหรือระงับความต้องการที่จะแสดงความรู้ไว้ได้ ต้องรีบแสดงออกมาให้ได้ เหมือนคนที่ถูกความร้อนแผดเผาจนทนไม่ไหว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ร้อนวิชา" ในประโยค
- เขาเป็นคนร้อนวิชา พอมีใครพูดผิดหน่อย ต้องรีบแทรกแก้ทันที ทำให้คนรอบข้างรำคาญ
- ในที่ประชุมวันนี้ ดร.มานะ ร้อนวิชามาก ทั้งที่ไม่ใช่วาระของเขา แต่ก็ยกมือขอพูดแทรกตลอดเวลา
- ครูบางคนร้อนวิชาเกินไป พอนักเรียนถามนอกเรื่องนิดหน่อย ก็อธิบายยืดยาวจนลืมเนื้อหาหลักที่ต้องสอน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี