คือการสามารถเอาตัวรอดในจังหวะ สถาการณ์ที่ลำบากหรือเข้าขั้นวิกฤติได้ หรือหลบหลีกจากอันตรายมาได้อย่างปลอดภัยไม่ได้รับผลอันใดจากสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่เป็นอะไรหรือได้รับผลกระทบมากมาย
รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง
ประเภทสำนวน
"รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรงเกี่ยวกับการระมัดระวังตัว ไม่ได้เป็นการเปรียบเปรยหรือต้องตีความเพิ่มเติม และมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้รู้จักระมัดระวังตัว รู้จักหลบหลีกภัยอันตราย หรือรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อความอยู่รอด ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าตัวเองไม่รอดแล้ว ก็ไม่สามารถทำสิ่งอื่นๆ ได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" ในประโยค
- คนเราต้องรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ไม่อย่างนั้นก็จะตกเป็นเหยื่อของคนที่มีเจตนาไม่ดีได้ง่าย
- พ่อแม่มักสอนลูกเสมอว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ให้รู้จักหลีกเลี่ยงอันตรายและไม่ไว้ใจคนง่ายๆ
- ในยามสงคราม รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เป็นคติสำคัญที่ทหารทุกนายต้องยึดถือ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี