ลังเลใจ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอย่างไหนดี
ประเภทสำนวน
"รักพี่เสียดายน้อง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบเชิงอุปมาอุปไมย แสดงความลังเลใจ ไม่ตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้ใช้กับสถานการณ์ที่บุคคลเกิดความลังเลใจ ไม่กล้าตัดสินใจเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะทั้งสองอย่างต่างก็มีข้อดีที่น่าสนใจ เป็นการเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่รักพี่แต่ก็เสียดายน้อง ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้ ส่งผลให้เสียทั้งสองฝ่าย หรือไม่ได้ทั้งสองอย่าง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "รักพี่เสียดายน้อง" ในประโยค
- นักลงทุนรายนี้เป็นคนรักพี่เสียดายน้อง ไม่กล้าตัดสินใจซื้อหุ้นตัวไหน จนพลาดโอกาสดีๆ ไปหลายครั้ง
- แดงจะเลือกเรียนคณะวิศวกรรมหรือแพทย์ดี ตอนนี้รักพี่เสียดายน้องอยู่เลย ทั้งที่เวลายื่นแอดมิชชั่นเหลือน้อยแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี