ประเภทสำนวน
"ยากเจ็ดทีดีเจ็ดหน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิต มีความหมายชัดเจนในการให้คำแนะนำว่าชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์สลับกันไป ไม่ต้องตีความเปรียบเทียบเพิ่มเติมเหมือนคำพังเพย และไม่ได้มีความหมายพิเศษที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้เข้าใจธรรมชาติของชีวิตว่ามีทั้งด้านที่ยากลำบากและด้านที่ดี สลับกันไป ไม่มีใครที่จะประสบแต่ความทุกข์หรือความสุขตลอดไป ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อเจอเรื่องยาก ให้อดทนรอเวลาที่ดีจะกลับมา และเมื่อกำลังมีความสุข ก็ไม่ควรประมาท เพราะอาจมีอุปสรรคเข้ามาได้เช่นกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ยากเจ็ดทีดีเจ็ดหน" ในประโยค
- แม้ว่าตอนนี้ธุรกิจจะกำลังประสบปัญหา แต่เธอก็ไม่ควรท้อแท้ เพราะยากเจ็ดทีดีเจ็ดหน ทุกอย่างจะดีขึ้นในที่สุด
- พ่อสอนลูกเสมอว่า ยากเจ็ดทีดีเจ็ดหน ชีวิตคนเราไม่ได้โชคดีหรือโชคร้ายไปตลอด ต้องรู้จักอดทนและไม่ประมาท
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี