ไม่ช่วยทำงานแล้วเกะกะขัดขวางทำให้งานเดินไปไม่สะดวกเหมือนกับคนที่นั่งไปในเรือไม่ช่วยทำงานแต่ยังไปเอาเท้าไปราน้ำให้เรือแล่นช้า
ประเภทสำนวน
"มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบพฤติกรรมของคนที่ไม่ช่วยเหลืองาน แต่กลับทำให้งานยากขึ้น มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม เข้าลักษณะของคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการพายเรือ โดยมีภาพของคนที่นั่งในเรือแต่ไม่ช่วยพาย (มือไม่พาย) และกลับเอาเท้าไปแหย่ลงในน้ำ ทำให้เกิดแรงต้านการเคลื่อนที่ของเรือ (เอาเท้าราน้ำ) หมายถึงคนที่ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยงานส่วนรวม แต่ยังทำตัวเป็นอุปสรรคหรือขัดขวางความก้าวหน้าของงานนั้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ" ในประโยค
- ในการทำงานกลุ่มครั้งนี้ พลเป็นคนที่มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่ช่วยทำงาน แถมยังเที่ยวนินทาว่าร้ายเพื่อนในกลุ่มอีก
- ผู้บริหารคนนั้นไม่เคยคิดแก้ปัญหาความขัดแย้งในองค์กร แถมยังคอยพูดยุยงให้พนักงานแตกแยกกัน สมแล้วที่เขาถูกวิจารณ์ว่าเป็นคนมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี