ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ก็ร่วมรับเคราะห์ไปกับเขาด้วย
ประเภทสำนวน
"พลอยฟ้าพลอยฝน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่พลอยยินดีหรือพลอยเศร้าโศกไปกับผู้อื่นโดยไม่เกี่ยวข้องกับตน ต้องตีความความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงและไม่สามารถเข้าใจได้จากความหมายตรงตัว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมื่อฟ้าสว่างหรือมีฝนตก สภาพอากาศเป็นอย่างไร คนก็พลอยมีความรู้สึกไปตามนั้น แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับตนเองโดยตรง สะท้อนพฤติกรรมของคนที่ร่วมสุขร่วมทุกข์ไปกับผู้อื่นโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "พลอยฟ้าพลอยฝน" ในประโยค
- เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งในบริษัท แต่กลับพลอยฟ้าพลอยฝนโกรธเคืองลูกน้องของเพื่อนไปด้วย
- อย่าไปพลอยฟ้าพลอยฝนกับเรื่องทะเลาะของสองคนนั้นเลย มันไม่ใช่เรื่องของเรา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี