ประเภทสำนวน
"ผิดพ้องหมองใจ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่เปรียบเปรยถึงผลของการมีความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจกัน มีความหมายแฝงเชิงเตือน ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีที่ต้องตีความพิเศษแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้สื่อถึงความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจกันระหว่างบุคคล ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกไม่พอใจ หรือความขุ่นเคืองใจต่อกัน คำว่า 'ผิด' หมายถึงความเข้าใจผิด ความขัดแย้ง หรือการกระทำที่ไม่ถูกต้อง 'พ้อง' แสดงถึงการมีส่วนร่วมหรือการเกี่ยวข้องกัน และ 'หมองใจ' คือความรู้สึกไม่สบายใจ ขุ่นมัว ไม่ผ่องใส
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ผิดพ้องหมองใจ" ในประโยค
- หลังจากทะเลาะกันเรื่องเงิน แม้จะปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังคงผิดพ้องหมองใจกันอยู่
- พี่น้องที่เคยผิดพ้องหมองใจกันมานาน ได้กลับมาคืนดีกันในงานศพของแม่
- หลังจากที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าฉันนินทาลับหลัง ทำให้เราผิดพ้องหมองใจกันมาเกือบปี
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี