เมื่อปัญหาหรือความเดือดร้อนเกิดแก่ผู้อื่น ช่วยแก้ไขให้เขาได้ แต่เมื่อเกิดแก่ตน กลับแก้ไขไม่ได้.
ประเภทสำนวน
"ผงเข้าตาตัวเอง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม เปรียบเทียบพฤติกรรมที่ทำสิ่งไม่ดีแล้วกลับได้รับผลกระทบเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเปรยถึงคนที่ทำสิ่งไม่ดีหรือพยายามทำร้ายผู้อื่น แต่สุดท้ายกลับส่งผลให้ตัวเองเดือดร้อน เหมือนกับคนที่พยายามทำให้ผงเข้าตาคนอื่น แต่กลับทำให้ผงเข้าตาตัวเอง สะท้อนความคิดเรื่องกรรมตามสนอง คนที่ทำร้ายผู้อื่นมักจะได้รับผลร้ายนั้นเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ผงเข้าตาตัวเอง" ในประโยค
- เขาพยายามใส่ร้ายเพื่อนร่วมงานเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่สุดท้ายหัวหน้ากลับรู้ความจริงและลงโทษเขาเสียเอง นี่แหละที่เรียกว่าผงเข้าตาตัวเอง
- นักการเมืองคนนั้นชอบกล่าวโจมตีคู่แข่งเรื่องทุจริต แต่ท้ายที่สุดกลับถูกจับได้ว่าตัวเองก็โกงเสียเอง เป็นเรื่องผงเข้าตาตัวเองจริงๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี