ชอบนินทาเล็กนินทาน้อย, ไม่กล้าพูด, พูดไม่ขึ้นหรือพูดไม่มีใครสนใจฟัง
ประเภทสำนวน
"ปากหอยปากปู" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยพฤติกรรมมนุษย์ที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต แต่เป็นการเปรียบเทียบลักษณะการพูดจาของคนกับลักษณะของหอยและปู
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบการพูดจาทะเลาะวิวาทกันอย่างไม่มีเหตุผล ยกเอาเรื่องไม่เป็นสาระมาเถียงกัน ที่มาคือลักษณะของหอยและปูที่มีปากแข็ง เวลาขบกันก็ไม่ยอมปล่อย เสียงดังกระทบกัน เปรียบเหมือนคนที่ต่างฝ่ายต่างเถียงกันไม่ยอมลงรอยกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปากหอยปากปู" ในประโยค
- พ่อกับแม่ทะเลาะกันเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน พูดจาปากหอยปากปูกันไปมาจนลูกๆ รำคาญ
- การประชุมวันนี้กลายเป็นเวทีให้ทั้งสองฝ่ายปากหอยปากปูกัน ไม่มีใครยอมฟังเหตุผลอีกฝ่าย ทำให้ไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี