อาการที่ปากอยู่ไม่สุข ชอบพูด ชอบฟ้อง
ปากคัน หรือ ปากบอน ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"ปากตำแย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงลักษณะของคนพูดมาก พูดสอดแทรกเรื่องของผู้อื่น มีลักษณะเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของสัตว์ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต แต่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของตำแย ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำประเภทกิ้งก่า มีนิสัยชอบส่งเสียงร้องอยู่เสมอ เสียงดังเจื้อยแจ้วไม่หยุด เปรียบเทียบกับคนที่ชอบพูดมาก พูดแทรกหรือสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น พูดโดยไม่รู้จักหยุด และมักพูดเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปากตำแย" ในประโยค
- เธอเป็นคนปากตำแย ชอบพูดแทรกตลอดเวลา ทำให้ไม่มีใครอยากคุยด้วย
- ดูเหมือนเด็กคนนี้จะมีปากตำแย ทุกครั้งที่ผู้ใหญ่คุยกัน เขาจะสอดแทรกความคิดเห็นตัวเองเสมอ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี