ที่ยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้, ที่ยังอยู่ห่างไกล.
ประเภทสำนวน
"ปลายอ้อปลายแขม" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากธรรมชาติของอ้อและแขม ซึ่งเป็นพืชตระกูลหญ้าที่มีลำต้นสูง ส่วนปลายมักลู่เอียงไปมาตามแรงลม ไม่มั่นคง เปรียบเหมือนคนที่ไม่มีความแน่นอน ไม่มีจุดยืน เอาแน่เอานอนไม่ได้ พูดไปเรื่อยๆ ไม่มีหลักการ หรือคนที่เอาตัวไม่รอด ไม่มีอนาคตที่แน่นอน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปลายอ้อปลายแขม" ในประโยค
- อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาเป็นคนปลายอ้อปลายแขม วันๆ ไม่รู้จะทำอะไร
- เขาพูดอะไรก็ไม่ต้องไปฟังมาก เพราะเป็นคนพูดปลายอ้อปลายแขม ไม่มีหลักการ ไม่มีเหตุผล
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี