ประเภทสำนวน
"น้ำผักบุ้งไป น้ำสายบัวมา" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นกลุ่มคำที่มีความหมายเฉพาะตัว ต้องตีความ ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จากการแปลตรงตัว ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่การเปรียบเทียบแบบคำพังเพย แต่เป็นวลีที่มีความหมายเฉพาะในภาษาไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะการไหลของน้ำในธรรมชาติ เมื่อน้ำไหลผ่านกอผักบุ้งแล้วต่อไปยังกอสายบัว เปรียบเหมือนเรื่องราวที่ถูกเล่าต่อกันไปเรื่อยๆ จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง คล้ายกับการนินทาหรือการซุบซิบที่แพร่กระจายไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นสำนวนที่ใช้เปรียบถึงข่าวสารหรือเรื่องราวที่ถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "น้ำผักบุ้งไป น้ำสายบัวมา" ในประโยค
- เรื่องที่คุณเล่าตอนนี้กลายเป็นน้ำผักบุ้งไป น้ำสายบัวมาไปทั่วออฟฟิศแล้ว ระวังหัวหน้าจะได้ยินนะ
- ข่าวลือในหมู่บ้านเราเป็นแบบน้ำผักบุ้งไป น้ำสายบัวมา บอกต่อกันไปเรื่อยๆ จนความจริงบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี