ตอนแรกประพฤติตัวไม่ดี แต่ภายหลังกลับสํานึกตัวได้แล้วประพฤติดีตลอดไป ตอนต้นไม่ดีไปดีเอาตอนหลัง โบราณท่านจึงกล่าวไว้ว่า ต้นร้าย แต่ ปลายดี
ประเภทสำนวน
"ต้นร้าย ปลายดี" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรง มีความสมบูรณ์ในตัวเอง สื่อความหมายชัดเจนว่าชีวิตที่เริ่มต้นลำบากอาจจบลงอย่างดี เป็นการให้กำลังใจโดยตรง มากกว่าจะเป็นการเปรียบเปรย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มุ่งสอนให้คนไม่ท้อแท้หรือสิ้นหวังเมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงแรก เพราะความพยายามและความอดทนอาจนำไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด เปรียบเสมือนเรื่องราวชีวิตที่แม้จะมีจุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก (ต้นร้าย) แต่หากมีความมานะพยายาม ก็อาจมีบทสรุปที่ดี (ปลายดี) ได้ในที่สุด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ต้นร้าย ปลายดี" ในประโยค
- แม้ว่าบริษัทของเขาจะประสบปัญหาขาดทุนในช่วงแรก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการปรับกลยุทธ์ ตอนนี้กลับกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นับเป็นต้นร้าย ปลายดีจริงๆ
- ชีวิตการศึกษาของเธอเป็นต้นร้าย ปลายดี เริ่มจากเด็กยากจนในชนบทที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการศึกษา จนปัจจุบันได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี