ทำเก่ง, รังแกคนที่ไม่มีทางสู้, รังแกคนที่อ่อนแอกว่า, ทำร้ายคนที่ด้อยกว่า, ถูกรังแกเอาเปรียบจากคนที่เหนือกว่า
ประเภทสำนวน
"ตีหัวหมา ด่าแม่เจ็ก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมบางอย่าง โดยมีความหมายแฝงที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้หมายถึงการกระทำที่ไม่ตรงประเด็น โดยผู้ที่ทำผิดไม่ได้รับผลกระทบ แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกลับต้องถูกกล่าวโทษหรือรับผลร้ายแทน เปรียบเหมือนการที่โกรธหรือไม่พอใจหมา แต่ไม่กล้าทำร้ายเจ้าของหมา จึงไประบายอารมณ์กับคนจีนที่ไม่เกี่ยวข้อง ('แม่เจ๊ก' หมายถึงคนจีน)
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตีหัวหมา ด่าแม่เจ็ก" ในประโยค
- พนักงานทำงานผิดพลาด แต่หัวหน้าไม่กล้าตำหนิคนที่ทำผิดโดยตรง กลับมาดุคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง นี่เรียกว่าตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก
- รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำมันแพงได้ จึงออกมาตรการจำกัดการใช้รถยนต์ส่วนตัวแทน เป็นการตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก ไม่ตรงประเด็น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี