คนที่หูตากว้างไกล ในที่นี้จะเน้นว่ามีพรรคพวกมาก ใครทำอะไร ที่ไหน จะรู้ไปหมด โดยรู้จากพรรคพวกเพื่อนฝูงหรือบริวารที่มีอยู่ทั่วไปเป็นคนส่งข่าวให้ โดยที่สำนวนตาเป็นสับปะรดนี้เกิดจากการเปรียบเทียบความสามารถในการรับรู้ข่าวสาร เรื่องราว ของบุคคลกับตาของสับปะรดซึ่งมีอยู่รอบลูก
ประเภทสำนวน
"ตาเป็นสับปะรด" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเฉพาะที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ว่าดวงตามีลักษณะเป็นสับปะรด แต่เป็นการบรรยายลักษณะพฤติกรรมเฉพาะ ไม่ใช่คำสอน (สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบที่มีความหมายลึกซึ้ง (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากลักษณะของผลสับปะรดที่มีตาเยอะและรอบด้าน เปรียบกับคนที่รู้ทันผู้อื่น มองเห็นแม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ด้านหลังหรือซ่อนเร้น มีไหวพริบ คอยสังเกตความเคลื่อนไหวหรือรู้ทันคนอื่น ไม่ให้ใครมาหลอกได้ง่าย ๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตาเป็นสับปะรด" ในประโยค
- ระวังตัวหน่อยนะ ที่บ้านป้าแจ๋วตาเป็นสับปะรด เอาของไปฝากอย่างแอบเอาของมั่ว ๆ เดี๋ยวจับได้
- ผู้จัดการคนนี้ตาเป็นสับปะรด ใครจะแอบเล่นโทรศัพท์ใต้โต๊ะเวลาประชุมยากมาก เขามองเห็นไปหมด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี