จําเป็นที่จะต้องยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีทางเลี่ยง
ประเภทสำนวน
"ตกกระไดพลอยโจน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีเฉพาะแบบสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมมนุษย์ที่ทำเกินกว่าเหตุที่เกิดขึ้น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากภาพของคนที่เกิดพลาดตกจากบันได แทนที่จะล้มธรรมดา กลับ 'โจน' หรือกระโดดลงไปเอง ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม เปรียบเทียบกับคนที่เมื่อทำผิดพลาดเล็กน้อย แทนที่จะยอมรับและแก้ไขให้ดีขึ้น กลับทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยการกระทำที่เกินเหตุ หรือทำผิดซ้ำเติมโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตกกระไดพลอยโจน" ในประโยค
- พอถูกครูซักถามนิดหน่อย ก็รีบสารภาพว่าลอกการบ้านเพื่อนมาทั้งที่ความจริงแค่ดูเป็นตัวอย่าง นี่มันตกกระไดพลอยโจนชัดๆ
- เขาแค่โดนตำหนิเรื่องรายงานผิดพลาดเล็กน้อย แต่กลับไปเขียนจดหมายลาออกทั้งที่ไม่มีใครบังคับ นี่เป็นการตกกระไดพลอยโจนเสียเหลือเกิน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี