ถูกทำในจุดสำคัญทำให้รู้สึกเจ็บปวด และแค้นเคืองมาก
ประเภทสำนวน
"งูถูกตีขนดหาง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเปรยถึงลักษณะพฤติกรรมของคนที่โกรธแค้นแล้วหาทางเอาคืน ไม่ใช่คำสอนโดยตรงอย่างสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ใช้แทนความหมายอื่นอย่างสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเทียบจากพฤติกรรมสัตว์
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากลักษณะธรรมชาติของงู เมื่องูถูกตีที่ขนดหาง มันจะโกรธและหันกลับมาจู่โจมผู้ที่ทำร้ายมัน ใช้เปรียบกับคนที่ถูกทำร้ายหรือถูกกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง จนเกิดความแค้นและพยายามหาโอกาสเพื่อแก้แค้นทันที
ตัวอย่างการใช้สำนวน "งูถูกตีขนดหาง" ในประโยค
- ระวังนะ ถ้าไปพูดจาให้เขาเสียหน้าต่อหน้าลูกน้อง เขาเป็นคนงูถูกตีขนดหาง จะต้องหาทางแก้แค้นเอาคืนแน่
- นายไพรวัลย์เป็นคนที่เมื่อโกรธแล้วเหมือนงูถูกตีขนดหาง ถ้าใครทำให้เขาโกรธ เขาจะหาทางเอาคืนจนได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี