ผู้ที่มีคุณความดีในตัวนั้นถ้าไม่มีใครยกย่องชมเชยก็จะไม่มีใครเห็นความดีนั้น
เปรียบดังฆ้องคุณภาพดี แต่ก็ต้องมีคนดีถึงจะมีเสียงดังขึ้นมา
ประเภทสำนวน
"ฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง ฟังแล้วเข้าใจได้ทันที มีข้อคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับคุณค่าของการแสดงออกซึ่งความสามารถ ไม่ใช่การเปรียบเปรยที่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้ใช้คุณสมบัติของฆ้องที่มีคุณภาพดีมาเป็นอุปมา โดยธรรมชาติฆ้องที่ดีจะมีเสียงไพเราะกังวาน แต่ถ้าไม่มีคนตี ก็ไม่อาจแสดงคุณภาพเสียงที่ดีนั้นออกมาได้ เปรียบเหมือนคนที่มีความสามารถ หากไม่แสดงออกหรือไม่ได้รับโอกาสให้แสดงความสามารถ ก็ไม่อาจเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่นได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง" ในประโยค
- ถึงคุณจะเรียนจบเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ถ้าไม่กล้าพูดในที่ประชุม ก็เหมือนฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง ไม่มีใครรู้ว่าคุณเก่ง
- ลูกชายฉันมีพรสวรรค์ด้านดนตรีมาก แต่ชอบเก็บตัว ฉันจึงพยายามส่งเสริมให้เขาเข้าร่วมการแสดงต่างๆ เพราะเชื่อว่าฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี