การจะกระทำการใหญ่ แต่กลัวว่าจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเล็ก
เหมือนกับการฆ่าควายซึ่งมีมูลค่าสูง เพื่อจะนำเนื้อมากิน แต่ก็กลัวว่าจะใช้น้ำพริกมากซึ่งแทนที่จะอร่อย กลับไม่อร่อย จึงเป็นที่มาของสำนวนนี้
ประเภทสำนวน
"ฆ่าควายเสียดายพริก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝงต้องตีความ เปรียบพฤติกรรมการยอมเสียสิ่งที่มีค่ามากเพื่อประหยัดสิ่งเล็กน้อย ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้แบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้สะท้อนการกระทำที่ขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจ โดยยอมเสียสิ่งที่มีค่ามากกว่า (ควาย) เพื่อรักษาสิ่งที่มีค่าน้อยกว่า (พริก) มีที่มาจากการทำอาหารจากเนื้อควายที่ต้องใช้พริกเป็นเครื่องปรุง แต่ผู้ปรุงกลับเสียดายพริกเพียงไม่กี่เม็ด ทั้งที่ได้ฆ่าควายซึ่งมีค่ามากกว่าหลายเท่าไปแล้ว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ฆ่าควายเสียดายพริก" ในประโยค
- บริษัทยอมเลิกจ้างวิศวกรที่มีประสบการณ์เพื่อประหยัดเงินเดือนไปเดือนละหมื่นบาท แต่สุดท้ายต้องจ้างที่ปรึกษาในราคาแพงกว่ามาก นี่เรียกว่าฆ่าควายเสียดายพริกชัดๆ
- การที่เขาไม่ยอมซื้อประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งเพื่อประหยัดเงินไม่กี่พันบาท แต่เกิดอุบัติเหตุต้องซ่อมเป็นแสน นี่แหละฆ่าควายเสียดายพริก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี